ส่องโลก สัตว์เลี้ยง แนะนำพันธุ์ หมา-แมว Trend กระแสตอนนี้
ถ้าจะให้พูดถึงกระแสตอนนี้ รองลงมาจากการปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงต้นไม้ ก็คงจะเป็นการ เลี้ยงสัตว์ สัตว์เลี้ยง แบบไหนดี เลี้ยงสัตว์พื้นที่น้อย พวก สัตว์เลี้ยงน่ารัก กำลังพูดถึงเป็นประเด็น ให้ได้น่าถกอยู่ร่ำไป วันนี้ ไพลิน แห่ง ส่องข่าว ขอเป็นตัวแทนมาพูดถึงเรื่อง สัตว์เลี้ยง หรือ สัตว์เลี้ยงน่ารัก ให้ทุกคนได้ฟังนะคะ ลองอ่านบทความของ ส่องข่าว ได้เลย รับรองว่าจะได้ทำความรู้จักกับ พวกตัวเล็กเพิ่มมากขึ้นแน่นอน สำหรับใครที่กำลังมองหาเจ้าตัวเล็กคู่ใจ เพื่อแก้เหงาก็ดี เลี้ยงเป็นเพื่อนคุยเล่นก็ยังได้เลยค่ะ เดี๋ยววันนี้ ไพลิน ส่องข่าว จะมาเขียนแนะนำพันธุ์ หมา-แมว ที่กำลังเป็นเทรนด์กระแสในตอนนี้ ให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปตามอ่านกันเล้ย!
ทำไมถึงต้องเป็นหมา-แมว ช่วยประโยชน์อะไรบ้าง
หลายคนกำลังสงสัย หลังจากกดเข้ามาอ่านกระทู้นี้ ว่าทำไมถึงต้องเป็นสัตว์สองชนิดเดียว เพราะว่าทั้งสองเป็นสัตว์ที่กำลังติดกระแสนิยมตอนนี้อยู่เลย ก่อนอื่นเรามาดูประโยชน์ในการเลี้ยงสัตว์พวกนี้กันดีกว่าค่ะ ว่ามีอะไรบ้าง เริ่มจาก
ข้อดีในการเลี้ยงแมว
1. การเลี้ยงแมวช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า
ปัจจุบันมีการศึกษาเพิ่มขึ้นว่า มีคนป่วยจากการเป็น “โรคซึมเศร้า” มากขึ้นทุก ๆ วัน การเลี้ยงแมวจึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่สามารถช่วยลดอาการซึมเศร้าลงได้ แมวจะช่วยกระตุ้นการพัฒนาที่น่าทึ่งต่อผู้ป่วย ที่มีความเครียด วิตกกังวล และซึมเศร้า โดยเสียงฮึมเฮาในลำคอของแมว (Purr) จะช่วยให้ผ่อนคลาย กระตุ้นการสร้างสมาธิ และช่วยสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น
2. ช่วยรักษาโรคอัลไซเมอร์ ออทิสติก และสมาธิสั้น
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งควีนส์แลนด์ พบว่า เด็กออทิสติกที่อยู่กับแมว มีแนวโน้มที่จะพูดคุย สบตา และยิ้มมากกว่าเด็กออทิสติกทั่วไป นั่นเป็นเพราะว่าความอ่อนโยนของแมว สามารถเข้ากับเด็ก ๆ เหล่านี้ได้ดีนั่นเอง
3. ทำให้เรามีความอ่อนโยน นึกถึงผู้อื่นเสมอ
ไม่ใช่เพียงแค่ การเลี้ยงแมว แต่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดใดก็ตาม พวกมันไม่สามารถพูด หรือสื่อสารให้เราเข้าใจได้อย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้นี่เอง จึงทำให้เราคอยคำนึงถึงใจพวกเขาเหล่านั้นอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร ว่าพวกมันจะชอบรสนี้ไหม กินแล้วจะดีต่อตัวน้องแมวไหม เรื่องความเป็นอยู่ ว่าน้องแมวจะอยู่อย่างไร ถ้าเราออกไปข้างนอก หรือไปทำงานพวกมันจะเหงาไหม และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้เรานั้น เป็นคนนึกถึงคนอื่นอยู่เสมอไปโดยปริยาย
4. สร้างความรับผิดชอบมากขึ้น
คนเลี้ยงแมว หรือสัตว์อื่น ๆ ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น เสมือนฝึกมีลูกไปในตัว ไหนจะต้องห่วงรีบกลับบ้านไปเก็บอึเจ้านาย ทำความสะอาดบ้าน เพื่อให้เจ้าตัวเล็กมีสุขภาพที่ดี ซักผ้าให้เขา ให้อาหารเขา พาเขาออกไปเดินเล่นเพื่อผ่อนคลาย อาบน้ำ ตัดขน และอีกมากมายที่ไม่ได้กล่าวถึง ล้วนทำให้เรามีความรับผิดชอบมากขึ้น และความอดทนมากขึ้น บางครั้งอาจทำให้รามีแรงในการทำงานด้วยซ้ำไปค่ะ
ข้อดีในการเลี้ยงสุนัข
1. เป็นเพื่อนแก้เหงาได้
เวลาที่เรารู้สึกเหงา หรือมีเรื่องทุกข์ใจ น้องหมานั้น จะคอยรับฟังอยู่ข้างเราเสมอ หรือถ้าเราไม่รู้จะทำอะไรก็ชวนน้องหมาเล่นได้ เพราะน้องนั้นจะมีนิสัยที่ขี้เล่นอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
2. สุนัขเป็นสัตว์ที่ซื่อสัตย์
เมื่อตกลงปลงใจรับน้องหมามาเป็นเจ้าของแล้ว คอยเอาข้าว เอาน้ำให้น้อง ดูแลเล่นกัน น้องหมาจะรู้ได้ทันทีว่าคุณคือ “เจ้านาย” ของมัน พร้อมที่จะภักดี และพร้อมที่จะคอยปักป้องเจ้านายของมันเสมอ
3. พาเจ้าของออกกำลังกาย
การมีน้องหมานั้น จะปล่อยให้น้องหมาอยู่แต่ในบ้านก็คงไม่ใช่เรื่องที่น่าทำซักเท่าไหร่ เราควรพาน้องออกมาเดินเล่น หรือวิ่งเล่นบ้าง เพื่อเป็นการผ่อนคลายให้กับน้องหมา และการพาหมาเดินเล่นนั้น ก็ทำให้เราได้เดินมากขึ้น ถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย เผลอ ๆ เราอาจเจอสังคมของคนเลี้ยงหมา ได้พบปะเพื่อนใหม่ด้วย
4. น้องรู้จักแสดงอาการออกมาอย่างเห็นได้ชัด
เหมือนเช่น เมื่อเราไปทำงานมา แล้วกลับมาถึงบ้าน น้องหมานั้นจะวิ่งออกมารับเราทันที บางทีก็วิ่งมาพันแข้งพันขา ส่ายหางดุ๊กดิ๊กไปมา เพราะน้องหมานั้นดีใจที่เจอเรา หรือเมื่อน้องทำผิด แล้วเราดุใส่น้องหมา เขาจะแสดงอาการรู้สึกผิดทันที หรือเมื่อป่วยก็จะมีท่าทีที่ซึม ไม่ร่าเริงเหมือนปกติ เราสามารถสังเกตอาการของน้องได้ง่าย ๆ ค่ะ
พันธุ์น้องแมวน่าเลี้ยง สัตว์เลี้ยง ที่ได้ชื่อว่า “เจ้านาย”
นอกจากสุนัขแล้ว แมวก็เป็นสัตว์เลี้ยงหนึ่งในกระแสนิยม อาจด้วยเพราะหน้าตาที่น่ารักน่าชังของมัน บวกด้วยนิสัยที่ค่อนข้างจะอินดี้ปนหยิ่งเล็กน้อย ทำให้ผู้คนมากมายพากันถวายตัวเป็นทาสแมว ไม่เชื่อลองส่องดูตามพวกแฟนเพจแมวได้เลยค่ะ หลายเพจมียอด Follower เป็นล้าน เรียกได้ว่ามีผู้ติดตามมากกว่าเพจอย่างอื่นเสียอีก เพราะฉะนั้นวันนี้ ไพลิน แห่ง ส่องข่าว จึงรวบรวมเรื่องราวของแมวทั้ง 10 สายพันธุ์ที่นิยมเลี้ยงมากฝากกันค่ะ
1. แมวเบงกอล (Bengal)
เจ้านายลายเสือที่เกิดจากการผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ ระหว่างแมวดาวกับแมวพันธุ์อียิปต์โบราณ ซึ่งเป็นแมวบ้านที่มีโครงสร้างใหญ่ มีขนลายจุดคล้ายกับแมวป่า ซึ่งใช้เวลาปรับปรุงสายพันธุกว่า 20 ปี กว่าจะได้แมวลายเสือ ที่มีจุดใหญ่และไม่เป็นหมัน ลวดลายสวยงาม รูปร่างปราดเปรียว เพรียวบาง มีกล้ามเนื้อในแบบผู้ล่าอย่างเห็นได้ชัด ถึงแม้จะมีหน้าตาคล้ายกับแมวบ้าน แต่ก็ให้ความรู้สึกคล้ายกับลูกเสือไมน้อยเลยค่ะ
นิสัย – แมวพันธุ์นี้ไม่ได้ดุร้ายอย่างเสือ เหมือนที่หลายคนคิดกัน แถมยังเชื่องและมีความเป็นมิตรอยู่มากเลยทีเดียว เนื่องจากรูปร่างที่ปราดเปรียว จึงมีความคล่องแคล่วสูงมาก ทั้งขี้เล่น และชอบไล่จับหนู เบงกอลปีนป่ายเก่งมาก แต่ถ้าไม่มีอะไรเล่น ก็จะเล่นกับตัวเองแทน สิ่งที่ยังดูคล้ายกับแมวป่า คงมีเพียงแค่เสียงร้องกับความมั่นใจในตัวเอง เอาตัวรอดเก่งและชอบเล่นน้ำ ซึ่งนั่น เป็นนิสัยที่ต่างจากแมวเกือบทุกสายพันธุ์เลยทีเดียวเชียว
ข้อควรรู้ก่อนรับมาเลี้ยง – เบงกอลมีโครงร่างที่ค่อนข้างใหญ่ และยังมีความเป็นนักล่ามากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ มากพอควร เพราะฉะนั้นอาจจะต้องให้อาหารประเภทเนื้อสัตว์ มากกว่าแมวพันธุ์อื่นเล็กน้อย ผู้เลี้ยงควรให้เนื้อ โดยให้ความสำคัญกับเนื้อวัวเท่านั้น งดเนื้อหมูและไก่โดยเด็ดขาด และต้องเก็บรักษาโดยการแช่แข็ง เพื่อยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรค หากทานเหลือให้ทิ้งทันที
ราคาของแมวพันธุ์เบงกอล – มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 17,000-170,000 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างสูงอยู่พอควร จึงไม่ได้ถูกเลี้ยงกันอย่างแพร่หลายมากนัก
2. แมวเอ็กโซติก ชอร์ตแฮร์ (Exotic Shorthair)
แมวพันธุ์นี้มีต้นแบบมาจาก แมวเปอร์เซีย สาเหตุก็เพราะแมวเปอร์เซียนั้น มีหน้าตาที่น่ารัก ใบหน้ากลมดึงดูดชวนให้เป็นทาส แต่ขนดันยาวมาก จนบางคนขี้เกียจจะแปรงขนให้ จึงทำให้เกิดการพัฒนาสายพันธุ์แมวเปอร์เซียที่ขนสั้นขึ้นมา ในที่สุดก็ออกมาเป็นแมว Exotic Shorthair นี่เอง เพราะฉะนั้นแมวสายพันธุ์นี้ จึงมีรูปร่างหน้าตาที่ถอดแบบมาจากแมวเปอร์เซียแบบ 100% เปี๊ยบ เพียงแต่ว่าขนนั้น จะสั้นกว่ามาก กลายเป็นแมวที่หน้าตาจิ้มลิ้ม น่ากอด ขนสั้นดูแลง่ายจนเป็นที่นิยมในการเลี้ยงกันในที่สุด
นิสัย – แมวสายพันธุ์นี้แม้ว่าจะขี้เล่น แต่ค่อนข้างรักสงบมากพอสมควร ดังนั้นจึงเรียบร้อยมากกว่าสายพันธุ์อื่น นอนเก่ง ใจเย็น สงบเสงี่ยมเจียมตัว จึงทำอะไรค่อนข้างเชื่องช้า ไม่ชอบปีนป่ายหรือไล่หนูมากเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังรักเจ้าชองมาก และแสดงออกถึงความรักให้เห็นอย่างชัดเจน ต่างจากแมวทั่วไปที่มีนิสัยค่อนข้างหยิ่งกับเจ้าของ
ข้อควรรู้ก่อนรับมาเลี้ยง – Exotic Shorthair นั้นไม่มีแนวโน้มเรื่องโรคทางพันธุกรรม แต่ว่าจุดที่เป็นปัญหาของแมวพันธุ์นี้นั้น จะอยู่ที่จมูกและดวงตาซะส่วนใหญ่ ซึ่งน้ำตาจะหลั่งมากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดคราบสกปรกได้ง่าย และจมูกมีโอกาสเป็นไซนัสได้บ่อย และด้วยความที่จมูกสั้น หากอยู่ในที่ที่อากาศร้อนมาก หรืออากาศถ่ายเทไม่สะดวก จะทำให้น้องมีปัญหาด้านการหายใจได้ นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการจัดเรียงของฟัน ฟันอาจเก ไม่เป็นระเบียบ ซึ่งนั้นอาจทำให้เกิดปัญหาด้านการเคี้ยวอาหารได้
ราคาของแมวพันธุ์เอ็กโซติก ชอร์ตแฮร์ – มีราคาเฉลี่ยอยู่ตั้งแต่ 15,000-80,000 บาทเลยทีเดียวค่ะ
3. แมวเมนคูน (Maine Coon)
ต้นกำเนิดที่รัฐเมน ขึ้นชื่อเรื่องการจับหนูเป็นที่สุด เมนคูรมีขนาดตัวที่ค่อยข้างใหญ่ น้ำหนักเมื่อโตเต็มวัย มากถึง 12-18 ปอนด์เลยทีเดียว มีลักษณะเด่นในตรงที่ขนยาว ดกและหนา ทั้งยังแข็งแรงมากอีกด้วย ปัจจุบันแมวเมนคูน จัดเป็นแมวอีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในการเลี้ยงมากที่สุด
นิสัย – Maine Coon มีความเป็นมิตรสูงมาก อารมณ์ดี และเฉลียวฉลาด สามารถเข้ากับเด็กและสัตว์เลี้ยงตัวอื่นได้ง่าย ค่อนข้างเชื่อง เชื่อฟัง และที่สำคัญคือจงรักภักดีกับเจ้าของสูงมาก แมวพันธุ์นี้ค่อนข้างจะสงสัยเก่ง แต่มันก็จับหนูเก่งแถมยังชอบเล่นน้ำด้วยเหมือนกัน
ข้อมูลที่ควรรู้ก่อนรับเจ้าแมวขนยาวตัวนี้มาเลี้ยง – ต้องมั่นใจว่ามีเวลามากพอ ที่จะดูแลทำความสะอาดขนของแมวได้ ควรแปรงขน อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน ต้องใช้หวีเหล็กเท่านั้น ถึงจะสางขนออกมาได้ดี และอย่าลืมพาน้องออกกำลังกายทุกวัน จะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วย
ราคาของแมวพันธุ์เมนคูน – เฉลี่ยอยู่ที่ราคาประมาณ 10,000-60,000 บาท ค่ะ
4. แมวขาวมณี (Khao Manee)
แมวขาวมณี หรืออีกชื่อเรียกคือ แมวขาวปลอด เป็นแมวพันธุ์ไทยโบราณ แต่ไม่มีบันทึกอยู่ในสมุดข่อย เพราะฉะนั้นจึงคาดเดากันว่า น่าจะมีต้นกำเนิดในช่วงยุครัตนโกสินทร์ อาจจะกำเกิดอยู่ที่ไทย หรือไม่ก็ติดมากับเรือสำเภาจีนก็เป็นได้ แมวพันธุ์นี้มีสีขาวอย่างเดียว ไม่มีสีอื่นแซมเลยแม้แต่นิด ดวงตามีทั้งสีฟ้า สีเหลืองอำพัน หรืออาจมีตาสองสี ลักษณะของสีตา และสีขนนั้น ถูกควบคุมด้วยยีนส์ด้อย นอกจากขนสีขาวแล้ว ผิวหนังก็ขาวด้วยเช่นกัน ในโบราณนิยมเลี้ยงกันเป็นอย่างมาก ด้วยความที่มีสีขาวปลอด เชื่อว่าเป็นสีที่สะอาดและบริสุทธิ์ตามความเชื่อของคนไทย จนต่อมาก็ได้ลดความนิยมลง จากนั้นแมวขาวมณีก็กลับมาเป็นที่นิยมเหมือนเดิม ปัจจุบันมีราคาที่ค่อนข้างสูง แถมยังได้รับกระแสนิยมในหมู่คนต่างชาติอีกด้วย
นิสัย – แมวขาวมณีนั้น มีรูปร่างไม่อ้วน ไม่ผอม ขาและหางยาว เพราะฉะนั้นจึงค่อนข้างปราดเปรียว ตามนิสัยแมวไทยทั่วไป ฉลาดแถมยังขี้เล่นอีกด้วย อาจจะเล่นค่อนข้างเจ็บกับตัวเจ้าของด้วย มีความเป็นตัวของตัวเองสูง อาจดูหยิ่งบ้างในบางเวลา แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ได้อ้อน ก็จะอ้อนสุดฤทธิ์เช่นเดียวกัน
ข้อควรรู้ก่อนรับมาเลี้ยง – เนื่องจากลักษณะเกือบทั้งหมดของแมวพันธุ์นี้ ถูกควบคุมโดยยีนส์ด้อย เพราะฉะนั้นสิ่งที่คนเลี้ยงแมวพันธุ์นี้จะไม่ค่อยรู้ ก็คือ แมวขาวมณีที่มีตาสีฟ้ามักหูหนวก สังเกตได้โดยง่ายจากเสียงร้องที่ดังมากกว่าปกติ ถ้าตาสีฟ้าแค่ข้างเดียวก็หูหนวกข้างเดียว แถมตาข้างสีฟ้ายังมองไม่ค่อยเห็นอีกด้วย บางตัวอาจตาบอดไปเลย แต่จะเป็นเพียงเฉพาะตาสีฟ้าเท่านั้น
ราคาของแมวพันธุ์ขาวมณี – ราคาอยู่ที่ 1,000-12,000 บาท ซึ่งราคานั้นจะขึ้นอยู่กับสีตาของแมวพันธุ์นี้
5. แมววิเชียรมาศ (Siamese)
อีกหนึ่งแมวไทยโบราณ ว่ากันว่าเป็นแมวมงคล สมัยก่อนเลี้ยงกันแค่ในวังเท่านั้น สามัญชนไม่สามารถเลี้ยงกันได้ เพราะว่าเป็นแมวที่มีมูลค่าสูงส่งมาก ลักษณะเด่นอยู่ที่ขน เพราะว่าสีขนส่วนใบหน้า หูสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและอวัยวะเพศนั้นมีสีน้ำตาลไหม้เกือบจะดำ แต้มสีเหล่านี้ในตอนแรกจะออกสีน้ำตาลอ่อน ๆ แต่ว่าจะค่อย ๆ เข้าขึ้นตามอายุ และมีดวงตาสีฟ้าสดใส หลายคนจะสับสนระหว่างวิเชียรมาศกับแมวเก้าแต้ม แมวเก้าแต้มเองก็เป็นแมวไทยโบราณเช่นเดียวกัน แต่ว่าสูญพันธุ์ไปนานแล้ว ส่วนแมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยชนิดแรกที่ฝรั่งรู้จัก และตั้งชื่อให้ว่า Siamese เป็นที่น่าเสียดายที่เราไม่ได้ขึ้นทะเบียนแมวตัวนี้ เพราะต่างชาตินำไปจดแทนเสียแล้ว แมวพันธุ์นี้ถือว่าเป็นแมวพันธุ์แท้ตลอดกาล เพราะว่าไม่ว่าจะไปผสมพันธุ์กับแมวพันธุไหน ลูกที่เกิดมานั้น จะมีแต้มตามพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ เพียงแต่อาจมีรูปร่างไม่สง่าเท่ากับพ่อแม่
นิสัย – ค่อนข้างรักอิสระมาก และมีความเป็นนักล่าสูง
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง – เนื่องจากยังหลงเหลือสัญชาตญาณนักล่ามากพอควร เมื่อเทียบกับแมวพันธุ์อื่นแล้ว อย่าลืมใส่ใจเรื่องอาหารของน้องด้วย ต้องมีเนื้อสัตว์ให้เพียงพอนะคะ
ส่วนเรื่องราคาของแมวพันธุ์นี้นั้น ราคาจะอยู่ที่ 3,000 บาท ขึ้นไปค่ะ
6. แมวเปอร์เซีย (Persian)
ถิ่นกำเนิดอยู่แถวตะวันออกกลาง คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นประเทศตุรกี หรืออิหร่านในปัจจุบัน มีการนำออกไปนอกพื้นที่โดยเรือสินค้าเช่นเดียวกับแมวพันธุ์อื่น ๆ ลักษณะเด่นของเปอร์เซียคือ ขนหนายาว หนวดยาว หัวกลมสวย หน้าตาน่าเอ็นดู เป็นแมวต่างประเทศพันธุ์แรกที่ถูกนำเข้ามาเลี้ยงกันในเมืองไทย ปัจจุบันแมวเปอร์เซียนั้นต่างจากในอดีตมากพอสมควร คือ ตัวสั้นลง ขนยาวขึ้น จมูกสั้นและหักมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
นิสัย – อ่อนโยน ขี้ประจบประแจง เข้ากับคนง่าย ขี้เล่น ร่าเริง ซุกซนและมีไหวพริบสูง
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง – แมวเปอร์เซียนั้น มีขนยาวและหนามาก ฉะนั้นผู้เลี้ยงต้องใส่ใจดูแลขนแมวให้ดี แปรงและสางขนอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ลดการเกิดขนพันกัน และความเสี่ยงที่จะเป็นเชื้อรา พยาธิและผิวหนังอักเสบอีกด้วย ส่วนเรื่องอาหารการกินนั้น ควรเลือกสูตรที่ทำมาเฉพาะเปอร์เซียโดยเฉพาะ เพราะแมวพันธุ์นี้มักใช้เวลาแต่ละวันหมดไปกับการทำความสะอาดขน ดังนั้นจึงมีการกลืนขนเข้าไปจำนวนมาก ซึ่งอาหารควรจะเป็นสูตรลดการอุดตันในทางเดินอาหารได้ นอกจากจะมีจมูกสั้น ยิ่งสั้นมากยิ่งมีโอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจมาก ท่อน้ำตาอาจอุดตันได้ และเป็นคราบอยู่บ่อย ๆ หากมีตาสีฟ้า หูที่ข้างเดียวกับตาอาจจะหนวกแต่กำเนิดด้วย
ราคา – จะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5,000-100,000 บาท ขึ้นอยู่กับเกรดของแมวค่ะ
เป็นยังไงบ้างคะ พันธุ์แมวที่ไพลินคัดมาตอนนี้ มีแต่เจ้าพวกตัวยักษ์ หน้าตาน่ารักนุ่มนิ่ม จนเราอยากถวายตัวเป็นทาสกันเลยใช่ไหมล่ะคะ พวก สัตว์เลี้ยงน่ารัก พวกนี้จะช่วยให้เราหงายได้มาก ๆ เลย แต่อย่าเพิ่งปิดบทความไปนะคะ เพราะไพลินยังไม่ได้แนะนำพันธุ์สุนัขให้ได้รู้จักกัน ซึ่งเดี๋ยวไพลินจะแนะนำให้กับคนที่อยาก เลี้ยงสัตว์พื้นที่น้อย ให้ได้รู้จักกันค่า
พันธุ์สุนัขเล็ก ใครอยาก เลี้ยงสัตว์พื้นที่น้อย ต้องอ่าน สัตว์ที่เรียกเราว่า “เจ้านาย”
น้องตูบ เป็นเพื่อนซี้สี่ขาที่คนทั่วโลกนิยมเลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น นอกจากความรัก ความซื่อสัตย์ที่น้องหมามีให้แล้ว ยังสามารถเฝ้าบ้านจากขโมยอีกด้วย สำหรับใครใครที่อยากลองเลี้ยง แต่กังวลว่าบ้านไม่กว้าง ไม่มีพื้นที่ให้วิ่งเล่น เลี้ยงสัตว์พื้นที่น้อย ไม่ต้องห่วงค่ะ วันนี้ไพลินได้รวบรวมน้องหมาพันธุ์เล็ก ที่สามารถเลี้ยงในคอนโดหรือบ้านเล็กมาฝากกัน จะมีสายพันธุ์อะไรบ้าง มาดูกันดีกว่าค่ะ
1. ชิวาว่า (Chihuahua)
เริ่มกันที่สายพันธุ์แรกอย่างชิวาว่า เป็นหมาพันธุ์แรกที่คนรักหมาน่าจะรู้จักกันดีที่สุด ว่ากันว่าชิวาว่ามีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศเม็กซิโก ตัวเล็กเรียว แต่สัดส่วนจะดูเป็นสี่เหลี่ยม ขาไม่ยาวเกินไป การเดินจะแตะ ๆ เหยาะ ๆ คล้ายกับม้า เรียกว่าเป็นหมาที่ตัวเล็กที่สุดในโลกก็ว่าได้
นิสัย – ร่าเริง ขี้อ้อน ประจบประแจงเก่ง แต่บางตัวอาจจะมีความหยิ่งอยู่เหมือนกัน ปากเปราะ เห่าเก่งและเสียงดังไม่ต่างจากน้องหมาตัวเล็กสายพันธุ์อื่น
ข้อควรรู้ก่อนนำมาเลี้ยง – ชิวาว่าเห่าเก่งมาก ไม่ควรเลี้ยงตามคอนโด หรือย่านพักอาศัยที่คนหนาแน่นแต่ไม่สามารถเก็บเสียงได้ ชิวาว่าโตไวมาก เพราะฉะนั้นต้องคอยระวังในเรื่องนี้ด้วย
ราคาของพันธุ์ชิวาว่า – ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 4,000-6,900 บาท
2. คาวาเลียร์ คิง ชาร์ล สแปเนียล (Cavalier King Charles Spaniel)
เจ้าหมาหน้าตุ๊กตาพันธุ์นี้ ได้ชื่อตามกษัตริย์ คิง ชาร์ล ที่ 2 ของสหราชอาณาจักร มีรูปถ่ายเป็นหลักฐานระหว่างกษัตริย์กับน้องหมา เป็นสิ่งที่บอกได้ว่าเจ้าหมาชื่อยาวพันธุ์นี้ เปรียบเสมือนตัวแทนความหรูหราของชนชั้นสูงในอังกฤษยุคก่อน ลักษณะโดดของน้องคือ ขนที่นุ่มสลวย เส้นเล็กเหมือนแพรไหม และนุ่มมาก ยาวกำลังดี คือขนสวยตามธรรมชาติแบบไม่ต้องตัดแต่งเลย หน้าตาจิ้มลิ้ม หูใหญ่ ห้อยลงไปเกือบขา เจ้าตูบสายพันธุ์นี้ได้รับความนิยมในการเลี้ยง ติดอยู่แค่ที่ว่าราคาแพงระยิบจนแทบกระเป๋าฉีก จึงไม่ได้มีคนเลี้ยงมากเท่าที่ควร
นิสัย – ใจดี อ่อนโยน อ่อนหวาน ร่าเริง ฝึกง่าย เชื่อฟัง ขี้เล่นและเข้ากับเด็ก สัตว์เลี้ยงได้ดี
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง – มีโอกาสเจ็บป่วยด้วยโรคประจำสายพันธุ์อยู่หลายโรคด้วยกัน เช่น โรคลิ้นหัวใจ โรคต้อกระจก โรคสะบ้าเคลื่อน โรคหูชั้นนอกอักเสบ เป็นต้น นอกจากนี้ด้วยความที่ขนยาวมาก ผู้เลี้ยงต้องมีเวลามากพอเพื่อที่จะได้ดูแลขนให้สวยสุขภาพดีได้
ราคา – คาวาเลียร์ คิง ชาร์ล สแปเนียล ราคาอยู่ที่ประมาณ 30,000 ถึง 4,200,000 บาท เป็นราคาที่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียวเชียวค่ะ
3. ดัชชุน (Dachshund)
หากให้เรียกว่า ดัชชุน หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู คุ้นตามากนัก แต่ถ้าเรียกว่า “เจ้าตูบไส้กรอก” ล่ะ ทุกคนอาจจะรู้จักกันอย่างแน่นอน เพราะลักษณะเด่นของเจ้าตูบพันธุ์นี้อยู่ที่หลังยาว ตัวเตี้ย ขาสั้น เวลาเดินจึงดูคลล้ายกับไส้กรอกเคลื่อนที่ได้เลยล่ะ ดัชชุนมีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมัน มีสัญชาตญาณนักล่าสูงมาก เพราะถูกผสมขึ้นมาเพื่อล่าสัตว์ที่มีขนาดเล็กกว่า เช่น กระต่าย หนู กระรอก แบดเจอร์ ซ้ำยังขุดดินได้เก่งมาก ๆ อีกด้วย ว่ากันว่าดัชชุนนั้นกล้าหาญมาก หากอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม มันสามารถสู้กับหมีตัวใหญ่ได้สบายเลยทีเดียว
นิสัย – ขี้อ่อน ฝึกง่าย เรียนรู้ไวมาก เฉลียวฉลาด ไม่ดุร้าย เชื่อฟังเจ้าของ อารมณ์ดี ร่าเริงแจ่มใส กล้าหาญ ชอบขุดดิน หากซื้อไปเลี้ยง รอบ ๆ บ้านอาจจะมีแต่หลุมบ่อ
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง – นอกจากจะขุดเก่งแล้ว มันยังกัดข้าวของในบ้านเก่งด้วย เพราะฉะนั้นเจ้าของจึงต้องใจเย็นมาก ๆ ต่อมาคือเรื่องกระดูก เนื่องด้วยมีลำตัวที่ยาวมาก กระดูกจึงมีปัญหาเมื่ออายุมากขึ้น อาจจะกระโดดไม่ไหว ขาไม่มีแรงหรือกระดูกช่วงสะโพกติดขัด หากบ้านมีพื้นต่างระดับเยอะ อาจไม่เหมาะแก่การเลี้ยงน้อง นอกจากนี้ยังเสี่ยงกับโรคอ้วนอีกด้วย ดังนั้นอย่าเลี้ยงอาหารมากจนเกินไป แล้วอย่าลืมพาไปออกกำลังกายบ่อย ๆ ด้วยนะคะ
ราคา – ราคาของดัชชุนนั้น เริ่มต้นที่ 5,000 บาท ขึ้นไปเลยค่ะ
4. ปอมเมอเรเนียน (Pomeranian)
สายพันธุ์เล็กที่สุดในกลุ่มของสปิทซ์ มีบรรพบุรุษมาจากหมาที่ถูกนำมาใช้ลากเลื่อนในแถบขั้วโลก แต่ว่าถูกพัฒนาจนมีขนาดเล็กกว่ายุคแรกมาก เพราะบรรพบุรุษมีขนาดตัวใหญ่อยู่พอตัว ลักษณะเด่นของหมาพันธุ์นี้คือ มีรูปร่างหน้าตาคล้านกับสุนัขจิ้งจอก เพราะศีรษะเป็นรูปลิ่ม หูเล็กและตั้งขึ้น หางแบนและพลิกกลับไปอยู่บนหลัง มีขนสองชั้นหนาและนุ่มมาก หากนำไปตัดขน มักจะตัดเป็นทรงกลม เพราะตัดออกมาแล้วหน้าตาจิ้มลิ้มที่สุด
นิสัย – คล่องแคล่วและปราดเปรียว ฉลาดเป็นกรด เห่าเก่ง อ่อนโยนจึงเข้ากับคนและสัตว์ได้ง่าย แต่เนื่องจากตัวเล็กมาก เสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ ฉะนั้นจึงไม่เหมาะที่จะเลี้ยงกับเด็กเล็ก
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง – โรคที่พบได้บ่อยสำหรับหมาพันธุ์นี้คือ โรคหัวใจ ต่อแห้ง ท่อน้ำตาผิดปกติ โรคต้อกระจก ตาบอด ผิวแพ้ง่ายซึ่งนั่นอาจนำไปสู่อาการผิวอักเสบอย่างรุนแรงได้
ราคา – หมาพันธุ์ปอมนี้ ราคาจะอยู่ที่ 5,000 บาทขึ้นไป ขึ้นอยู่กับสีและหน้าตา หากเป็นปอมเมอเรเนียนหน้าหมี ราคาจะแพงขึ้นไปอีก
5. ปั๊ก (Pug)
ปั๊ก เป็นหมาพันธุ์เล็กที่ไม่มีใครไม่รู้จัก ด้วยใบหน้าที่โดดเด่น แสนทะเล้นที่มองอย่างไรก็ไม่มีวันเบื่อ ทำให้มันได้รับความนิยมเลี้ยงสูงมากเลยทีเดียว ต้นกำเนิดเชื่อว่ามาจากประเทศจีน ตั้งแต่ 400 ปี ก่อนคริสตกาลแล้ว จึงเริ่มแพร่ไปยังทวีปยุโรป ลักษณะเด่นอยู่ที่ใบหน้าที่สั้นและย่นมาก ปากกว้างเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา ขนสั้นเกรียน หางขดม้วนติดกับบั้นเอว มีจมูกสั้น หายใจเสียง และที่สำคัญคือ นอนกรน
นิสัย – เป็นมิตร ว่องไวและปราดเปรียว อารมณ์ดี ขี้สงสัย มีหน้าตาที่ดูอยากรู้เห็นอยู่ตลอด เข้าสังคมเก่ง ตื่นตัวแต่ก็นุ่มนวลในขณะเดียวกัน พลังล้นเหลือ ชอบเล่น ติดเจ้าของมาก ฉลาดกลาง ๆ ไม่ชอบมีเรื่องกับหมาตัวอื่น แต่ถ้ามี มันจะต้องเอาชนะให้ได้เลยล่ะ
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง – ไม่เหมาะกับที่อากาศร้อนจัด เพราะอาจเป็นลมแดดได้ เนื่องด้วยหน้าและจมูกที่ค่อนข้างสั้น นั่นทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินหายใจบ่อยครั้ง ฉะนั้นพยายามรักษษความอบอุ่นของร่ายกายน้องให้ดี อย่าปล่อยให้อยู่ในที่ที่ร้อนหรือเย็นมากเกินไป
ราคาของเจ้าตูบพันธุ์ปั๊ก – ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,000-70,000 บาท
6. ชิสุ (Shih-Tzu)
หมาตัวเล็กที่มีภาพลักษณ์น่ากอด ด้วยความที่มีขนยาว ตาโต เห็นตัวเล็ก ๆ แบบนี้ แต่ก่อนนั้นถือเป็น 1 ใน 3 ของสุนัขชั้นสูงที่จักรพรรดิ หรือราชวงศ์ของจีนนิยมเลี้ยงกันมากเลยทีเดียว เชื่อกันว่าชิสุนั้นมีต้นกำเนิดมาจากทิเบต Shih-Tzu ในภาษาจีนแปลว่า สิงโต เพราะต้นกำเนิดนั้น ชิสุเป็น สัตว์เลี้ยง ที่ถูกเลี้ยงมาคล้ายสิงโต มีท่วงท่าการเคลื่อนไหวที่สง่างาม ชิสุเป็นสายพันธุ์สุนัขยอดนิยมร่วมกับปั๊กและพันธุ์ปักกิ่ง
นิสัย – ร่าเริง ตื่นตัว และประจบประแจงเก่ง รักสะอาด เป็นมิตรและปรับตัวได้ดี ทั้งยังชอบมีส่วนร่วมกับกิจกรรมกับเจ้าของ ไม่ชอบถูกทิ้งเอาไว้ตัวเดียว และด้วยลักษณะของโครงสร้างร่างกายนั้น ชิสุจะเดินเชิ่ดหน้าเชิ่ดตา
ข้อควรรู้ก่อนเลี้ยง – ผู้เลี้ยงควรใส่ใจดูแลเป็นพิเศษเรื่องตากับหู และอีกอย่างควรเทคแคร์สำหรับชิสุเลยก็คือเรื่องขน เพราะชิสุนั้นมีขนที่ค่อนข้างยาว จึงพันกันได้ง่าย และเสี่ยงต่อการสะสมของสิ่งสกปรก และง่ายที่จะเป็นโรคผิวหนัง ดังนั้นจึงต้องดูแลขนให้สะอาดอยู่เสมอ
ราคา – เรื่องราคาของชิสุนั้น จะอยู่ที่ 3,000 บาทขึ้นไป
เป็นยังไงบ้างคะ สำหรับพันธุ์น้องหมา-แมว พันธุ์ สัตว์เลี้ยง ที่ไพลิน แห่ง ส่องข่าว นำมาฝากให้ผู้อ่านทุกท่าน รับรองเลยค่ะว่าต่อให้เป็นเจ้าของที่ต้องการ เลี้ยงสัตว์พื้นที่น้อย ก็สามารถเลี้ยงได้ และอย่าลืมนะคะที่สำคัญเลยว่า ก่อนจะเลี้ยงต้องศึกษาข้อมูลให้ดี จะได้ดูแลน้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะได้มี สัตว์เลี้ยงน่ารัก อยู่ข้างกาย ช่วยแก้เหงาไปนาน ๆ อย่าทอดทิ้งน้องให้อยู่ตามลำพัง เพราะสำหรับพวกเขาแล้ว เราคือโลกทั้งใบของเขาค่ะ สำหรับบทความนี้ ไพลิน ก็ขอลาไปก่อนนะคะ ไว้เจอกันโอกาสหน้าค่ะ สวัสดีค่ะ
