Soo Joo Park นางแบบผู้ปูทางของคนรุ่นใหม่ในตำนานบนเวที แฟชั่น ระดับโลก
ถ้าหากจะให้พูดถึงวงการ แฟชั่น ก็คงหนีไม่วายที่จะต้องพูดถึง นางแบบ และจะให้ไม่พูดถึงนางแบบสาวเกาหลีระดับตำนาน อย่าง Soo Joo Park เลยก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเธอคือนางแบบสาวสายเลือดเกาหลี ผู้สร้างความโดดเด่นมานานับทศวรรษ แต่ว่าหนึ่งในเหตุผลที่เธอนั้น อาจจะไม่ได้ถูกจดจำมากนักในฐานะของนางแบบเกาหลีแบบแท้ ๆ นั่นก็เป็นเพราะว่าเธอเองได้ย้ายออกมาจากเกาหลีตั้งแต่ยังเยาว์วัย และได้ถือสัญชาติอเมริกันจวบจนทุกวันนี้ ซึ่งวันนี้เอง SONGKHAO ก็จะพามาย้อนเส้นทางขวากหนามชีวิตของสาวคนนี้ ก่อนหน้าที่จะมาถึงจุดสูงสุดในวงการ แฟชั่น ว่าเธอคนนี้นั้นผ่านอะไรมาบ้าง
ชีวิตแห่งขวากหนามของ Soo Joo Park นางแบบในตำนานแห่งวงการ แฟชั่น
Soo Joo Park (박수주) เกิดอยู่ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1986 ปัจจุบันเธอนั้นมีอายุ 36 ปี ชีวิตในวัยเด็กของเธออาศัยอยู่ที่เอเชีย ตลอดจนกระทั่ง 10 ขวบ ครอบครัวของเธอได้ย้ายรกรากไป ณ เมืองอนาไฮม์ รัฐแคลิฟอร์เนีย (Anaheim, California) ซูจูเองเป็นเด็กสาวชาวเกาหลี ที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยชาวเอเชีย ก่อนจะเริ่มเส้นทางชีวิตของตนเอง ด้วยการเริ่มศึกษาด้านสถาปัตยกรรมศาสตร์ ณ UC Berkeley University มหาวิทยาลัยชื่อดังระดับโลก ซึ่งแน่นอนว่าความติสท์ในตัวเธอเองก็ได้ผลักดันให้สามารถรังสรรค์ผลงานที่มีสไตล์อันโดดเด่น แต่ถ้าหากให้ถามว่าชีวิตช่วงมหาวิทยาลัยของเธอนั้น เป็นดาวเด่นและเริ่มเข้าวงการนางแบบแล้วหรือยัง คำตอบนั่นก็คือ… ยังค่ะ และขอบอกได้เลยว่าตัวเธอเองนั้น เริ่มเป็นนางแบบช้ากว่าคนอื่นมากทีเดียว
หลังจากเรียนจบเธอเองก็ได้ย้ายห่างจากครอบครัวไปเล็กน้อยสู่เมืองซานฟรานซิสโก (San Francisco) ที่แห่งนี้เองก็เปรียบเสมือนจุดเปลี่ยนของชีวิตเธอเลยก็ว่าได้ บัณฑิตจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ได้กลายเป็นว่าที่นางแบบ เธอเองก็ได้เล่าเหตุการณ์ให้หลายสื่อฟังทีเดียว ขณะที่เธอกำลังเดินอยู่ในร้านขายของวินเทจ เผอิญก็ได้มีแมวมองสนใจทาบทามให้เธอลองงานนางแบบดูสักครั้ง จากเด็กสาวชาวเกาหลีผมดำในวันนั้น สู่นางแบบบนเส้นทาง แฟชั่น ในตำนาน เรียกได้ว่าต้องขอบคุณแมวมองเลยทีเดียวล่ะค่ะ ที่มีสายตาเฉียบคมพอจะเห็นความพิเศษในตัวซูจู
หลังจากที่ซูจูเริ่มตัดสินใจเสี่ยงชีวิตกับเส้นทางนางแบบ มันก็ไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างแต่ทันทีทันใดเหมือนกันกับบางคน เธอยังคงมีผมสีดำทั่วไป นั่นเองจึงทำให้ Roman Young ผู้อำนวยการของ Wilhelmina โมเดลลิงชื่อดัง แนะนำให้เธอลองอะไรใหม่ ๆ ดูเสียบ้าง ซึ่งตัวซูจูเองก็ได้บอกเล่าประสบการณ์ว่าพวกเขากังวลที่จะบอกให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวตน เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว ที่จะปรับ Character แบบสุดโต่งของเธอ แต่เธอกลับตัดสินใจว่าอยากลองดู และแล้ว Character ของสาวเกาหลีผมสีสว่าง เปรี้ยวโฉบเฉี่ยว ก็กลายเป็นภาพจำมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรียกได้ว่าแตกต่างและโดดเด่นมากพอเลยทีเดียว ที่จะทำให้ทุกคนจดจำเธอในฐานะของ “ซูจูปาร์ค”
ประสบการณ์แรกเริ่มบนเส้นทางสาย แฟชั่น ของเธอ นั่นก็คือ การถ่ายโฆษณาของ Max Azria ในปี 2010 ก่อนจะเริ่มเดินรันเวย์ครั้งแรกกับแบรนด์ดัง อย่าง Wes Gordon ในปี 2012 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เธอเริ่มมีชื่อเสียงทะยานเด่นขึ้นมา ถึงขั้นได้ลงนิตยสารชื่อดังมากมาย รวมถึงทั้ง Vogue Italy อีกด้วย เส้นทางในวงการของเธอยังคงดำเนินไปอย่างสดใส การรู้จักกับ Carine Roitfeld ก็ได้พาให้เธอไปเจอกับผู้ทรงอิทธิพลในวงการอย่างมากมาย รวมถึงทั้ง Karl Lagerfeld และ Tom Ford อีกด้วย ซึ่งความสัมพันธ์ดังกล่าวเอง ก็ได้เปิดประตูให้กับเธอได้เป็นนางแบบคนโปรดของคาร์ล และได้ร่วมงานกันกับ Chanel นับแต่นั้นเป็นต้นมา นอกจากนี้เอง ซูจูปาร์คยังคงเป็นดาวเด่นอยู่บนรันเวย์มากกว่า 200 โชว์ รวมทั้งแบรนด์ยักษ์ใหญ่ อย่าง Fendi, Vivienne, Westwood, Emporio Armani, Lanvin และ Loewe
“ความเป็นสากลที่มีกลิ่นอายเอเชีย” คงเป็นคำนิยามที่เหมาะมากกับซูจูปาร์ค เพราะด้วยความโดดเด่นของเธอส่งออกมาในรูปแบบสากลมากทีเดียว ในขณะเดียวกันก็ยังมีกลิ่นอายบางอย่างที่แสดงถึงความเป็นคนสายเลือดเกาหลี ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของหน้าตาหรือพื้นฐานครอบครัวที่หล่อหลอมเธอมาแต่เด็ก ดังนั้น เมื่อย้อนกลับไปถึงเรื่องย้อมผมจะเห็นได้ว่าเธอเองไม่ได้ปิดกั้นความเป็นเอเชียของเธอแต่อย่างใด เพียงแค่รู้สึกว่าการแสดงตัวตนออกมาเป็นซูจูปาร์ค สามารถสะท้อนออกมาได้มากกว่าการเอากรอบชาติพันธุ์มากำหนด ซึ่งมันอาจสะท้อนตัวตนได้ลึกถึงเรื่องความรักอิสระ เธอก็คิดเสมอที่ว่า Character ที่ชัดเจนเกินไป ก็อาจะไม่ได้เหมาะมากนักกับงานสายนางแบบของเธอมากนัก เพราะหน้าที่สำคัญคือการถูก Styling ให้ลื่นไหลเหมาะสมไปในเวย์ที่ได้มากที่สุด ในอนาคตอาจเห็นได้ว่าเธอนำเสนอความน่าสนใจในด้านอื่น ๆ นอกจากเรื่องสีผม
ซูจูปาร์ค ไม่ได้เป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงในวงกาแฟชั่น เพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้หญิงที่สร้างแรงบันดาลใจในการแต่งตัวด้วย ซึ่งถ้าหากใครติดตามเธอมาหลายปี มักจะเห็นว่าเธอนั้นชอบรังสรรค์เอาสไตล์เก๋ ๆ ให้ได้นำไปแต่งตามกัน ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาดอย่างหนัก หลายคนเองก็ต้อง Work From Home (WFH) กันซะส่วนใหญ่ แต่ซูจูปาร์คก็ไม่ละทิ้งความโดดเด่นและสร้างสรรค์ลุคจากที่บ้าน เพื่อสร้างสีสันให้กับทุกคนอยู่เสมอ ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เอง จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ไม่ได้ถูกมองเป็นเพียงแค่นางแบบชั้นนำเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้มีอิทธิพลในแวดวง Fashion สำหรับสาว ๆ ทั่วโลกอีกด้วย และมากไปกว่านั้น เธอยังมีความสามารถพิเศษในการเป็นดีเจ สามารถออกแบบเพลย์ลิสต์เพลง ทั้งยังสร้างบรรยากาศความสนุกในอีเวนต์สเกลใหญ่ ๆ อย่างมากมายอีกด้วย
แต่ประเด็นสำคัญที่หลายคนมักถามถึงเธอ นั่นก็คือ มุมมองในด้านความหลากหลายใน Fashion Industry นางแบบสาวคนนี้เอง ก็ได้กล่าวอย่างเปิดเผยเลยทีเดียวว่าบางครั้งนั้น ในวงการนี้ก็ต้องการความซ้ำจำเจ ไม่ได้เปิดมุมมองใหม่ ๆ เท่าที่ควร แต่หลายครั้งเองก็ได้มีมาตรฐานความงามที่เปิดกว้างขึ้นเช่นกัน ซึ่งสิ่งสำคัญที่เหนือไปกว่าเรื่องสีผิว ชาติพันธุ์ หรืออะไรก็ตามแต่คือตัวตนที่โดดเด่นออกมา ก้าวข้ามบรรทัดฐานเหมารวมความเป็นคนเอเชีย คนผิวสี หรือชาติพันธุ์ใดก็ตามแต่ มนุษย์ไม่จำเป็นต้องนิยามเรื่องทุกเรื่อง มองทุกคนเป็นปัจเจกสำคัญที่ให้ความสำคัญกันตรงนนั้น แทนที่จะมีม่านหมอกของชาติพันธุ์มาบังวิสัยทัศน์เสียก่อน
มุมมองวิสัยทัศน์ของซูจูปาร์คเอง เรียกได้ว่ามีความโดดเด่น และเอกลักษณ์เฉพาะตัวยังคงทำให้เธอยืนหยัดในเส้นทางของ Fashion ได้อย่างมั่นคง เธอเองก็ยังคงรักสนุกและต้องการที่จะเดินต่อในสายอาชีพนี้เสมอ สุดท้ายเราไม่ได้เห็นการภูมิใจนำเสนอความเป็นเกาหลี หรือพยายามยกจุดเด่นในเรื่องของวัฒนธรรม หรือ แม้แต่รูปร่างหน้าตามาเกี่ยวข้อง เธอเองไม่ได้ส่งเสริมนางแบบเกาหลีเป็นพิเศษ แต่เพียงเป็นกองกำลังส่งเสริมพลังด้านบวกให้กับทุกคน ในการสร้างคุณค่าให้กับตัวเอง ที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดที่เคยกลัว หรือจำกัดไว้เพียงแค่ในกล่อง ซึ่งถ้าหากเราโดดเด่นและสร้างตัวตนอย่างแข็งแกร่งขึ้นมาได้ เมื่อนั้นเราจะยืนหยัดได้ในระดับสากลตามใจปรารถนา และนี่เองก็คือสุดยอดนางแบบสายเลือดเกาหลี ผู้ที่ครองใจเหล่าสาวก Fashion มานานับทศวรรษ “ซูจูปาร์ค” นั่นเองค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : models.com / scmp.com / vogue.com/ thecut.com / fashionista.com